ลักษณะสำคัญของโรงเรียนมีคุณภาพ
นายอดิศร ไชยเทพ และกลุ่ม 10
ที่มา
การศึกษาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึกอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้ และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 มุ่งพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดีมีปัญญา มีความสุข และมีความเป็นไทย มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ โรงเรียนจัดได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาบุคคลให้เป็นผู้ ที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพที่จะแข่งขันในเวทีโลกได้
การศึกษาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึกอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้ และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2544 มุ่งพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นคนดีมีปัญญา มีความสุข และมีความเป็นไทย มีศักยภาพในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ โรงเรียนจัดได้ว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาบุคคลให้เป็นผู้ ที่มีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพที่จะแข่งขันในเวทีโลกได้
ดังนั้นจึงต้องเร่งดำเนินการพัฒนาโรงเรียนไปสู่การเป็น
“โรงเรียนดีมีคุณภาพ” เพื่อให้เป็นที่รวมของความมีคุณภาพในทุกส่วนที่โรงเรียนพึงมีพึงเป็นการจัดการศึกษาของโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกว่าเป็นโรงเรียนที่หนึ่งใน
โลกนั้น ต้องยึดหลักตอบสนองความต้องการและความสนใจของเด็กเป็นสำคัญที่สุด โรงเรียนจากหลายประเทศมีการจัดการเรียนการสอนที่ตอบสนองความต้องการและความ
สนใจของเด็กได้อย่างแท้จริง เมือถึงเวลาเรียนครูและนักเรียนจะตกลงกันใครจะทำอะไร เด็กแต่ละคนจะเสนอสิ่งที่ตนอยากทำ เด็กที่สนใจเรื่องเดียวกันก็ให้อยู่กลุ่มเดียวกัน
โดยโรงเรียนมีอุปกรณ์ให้พร้อม เด็กทุกคนจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ ตามที่ตนสนใจ หากเด็กเบื่อหน่ายในการทำกิจกรรมนั้นก็ไม่บังคับ
เมื่อสนใจใหม่อยากร่วมกิจกรรมใหม่ก็ทำได้ แต่ครูจะต้องมีวิธีที่จะหันเหความสนใจของเด็กให้กลับมาที่เดิมได้อย่างละมุน
ละม่อมไม่หักหาญน้ำใจหรือไม่ใช้การสั่ง นอกจากนี้ เฟอร์กัส บอร์เดวิช ได้กล่าวถึงโรงเรียนดีเลิศไว้ว่า
การจัดการเรียนการสอนจะไม่ทำกิจกรรมเดียวกันในเวลาเดิม และจะใช้เวลามากน้อยต่างกันในแต่ละวัน
นักเรียนทุกคนจะทำแผนการเรียนของตนเองสำหรับทั้งปี นักเรียนทุกคนจะตั้งเป้าหมายการเรียนที่เหมาะสมกับตนเอง
โดยมีพ่อแม่ และครูช่วยคิด เด็กจึงมีแรงจูงใจในการเรียนที่สูงอยู่ตลอดเวลา สำหรับแนวทางสำหรับผู้ปกครองในการหาโรงเรียนดีๆ
ให้กับบุตรหลานของตนเอง Joan Herman และคณะ กล่าวว่า ประชาชน มีความต้องการโรงเรียนที่จัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพสำหรับเด็ก
และมีระบบการบริหารที่ตอบสนองต่อความต้องการของเด็ก มีหลักสูตรที่ทันสมัย มีการพัฒนาเทคนิค
และวิธีการสอนของครู
แนวคิดและความหมาย
ดร.พนม
พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า โรงเรียนมีชื่อเสียงตามทัศนคติของคนโดยทั่วไป
คือ ความเด่น ความมีชื่อเสียงของโรงเรียน
ซึ่งอาจเป็นตัวบ่งบอกความมีคุณภาพของโรงเรียน แต่โรงเรียนที่ไม่เด่นไม่ดังไม่ใช่ว่าไม่มีคุณภาพ
และอาจมีคุณภาพไม่แพ้โรงเรียนเด่นโรงเรียนดังก็เป็นไปได้ การพัฒนาให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพ
ต้องมีการพัฒนาความเข้มแข็งของผู้นำ และบุคลากรการบริหารจัดการ ตลอดจนการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน
เป็นปัจจัยที่นำไปสู่โรงเรียนที่ดี ทำให้ผู้เรียนทีคุณภาพ โดยผ่านกระบวนการจัดการทางด้านวิชาการ
การเรียนรู้ และกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนตามมาตรฐานและมีคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์
การศึกษากรณีตัวอย่างโรงเรียนดีมีคุณภาพในระดับมัธยมศึกษาขนาดกลางมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินกิจกรรมของโรงเรียนดีมีคุณภาพในมัธยมศึกษาขนาด กลางในด้านปัจจัย กระบวนการและผลผลิต จากโรงเรียนที่เข้าเกณฑ์โรงเรียนดีมีคุณภาพ คือ โรงเรียนที่ผ่านการประเมินของ สมศ.ในระดับดี หรือเป็นโรงเรียนที่ได้รับรางวัลพระราชทานจำนวน 4 โรง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 4 คน ครูจำนวน 38 คน ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 20 กรกฎาคม 2548 จากการศึกษาพบว่า
การศึกษากรณีตัวอย่างโรงเรียนดีมีคุณภาพในระดับมัธยมศึกษาขนาดกลางมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการดำเนินกิจกรรมของโรงเรียนดีมีคุณภาพในมัธยมศึกษาขนาด กลางในด้านปัจจัย กระบวนการและผลผลิต จากโรงเรียนที่เข้าเกณฑ์โรงเรียนดีมีคุณภาพ คือ โรงเรียนที่ผ่านการประเมินของ สมศ.ในระดับดี หรือเป็นโรงเรียนที่ได้รับรางวัลพระราชทานจำนวน 4 โรง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 4 คน ครูจำนวน 38 คน ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน - 20 กรกฎาคม 2548 จากการศึกษาพบว่า
1.
ปัจจัยที่นำไปสู่โรงเรียนดีที่ทำให้ผู้เรียนมีคุณภาพ ประกอบด้วยผู้นำและบุคลากรมีความเข้มแข็ง การบริหารจัดการ และการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน
ดังนี้
1.1 ผู้นำและบุคลากร
มีความเข้มแข็งประกอบด้วย การนำองค์กร
การพัฒนาบุคลากร และการดูแลคุณธรรมจริยธรรมครู
§ การนำองค์กร ผู้บริหารโรงเรียนดีมีคุณภาพเป็นผู้ที่มีภาวะผู้นำ
และความสามารถในการบริหารจัดการ มีคุณธรรมจริยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดี มีความเป็นประชาธิปไตย
และบริหารงานแบบมีส่วนร่วม
§ การพัฒนาบุคลากร สถานศึกษา ได้ส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรทุกคนได้เข้าร่วมการประชุมอบรม
สัมมนาทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน เพื่อพัฒนาเสริมสร้างความรู้ด้านการเรียนการสอน
การบริหารจัดการ หลักสูตร ตลอดจนการทำงานเป็นทีม
§ การดูแลคุณธรรมจริยธรรมครู โรงเรียนได้เสริมสร้างระเบียบวินัย
ให้ทุกคนยอมรับในกติการ่วมกัน ส่งเสริมให้ครูปฏิบัติตนตามหลักศาสนา
มีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพ ความเข้าใจ และเอาใจใส่ ผู้เรียนทุกคนอย่างสม่ำเสมอ
1.2 การบริหารจัดการ พบว่า ผู้บริหารมีการบริหารงานแบบกระจายอำนาจ เน้นให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผน
ร่วมคิด ร่วมทำ สร้างให้ครูเกิดศรัทธา
โดยทำตัวเป็นแบบอย่างแก่ครูให้ขวัญและกำลังใจ สำหรับยุทะศาสตร์การวางแผนดำเนินงานมีการกำหนดทิศทางการทำงานโดยทุกงานต้อง
ชัดเจน ทิศทางการทำงานต้องมุ่งไปที่ “เด็ก” มีการกำหนดปฏิทินการปฏิบัติงานของกลุ่มโดยวางแผนเป็นเดือน
สัปดาห์ และวัน มีการนิเทศ ติดตามและประเมินผลอย่างถูกต้อง ครอบคลุมกิจกรรมของโรงเรียนและตรงกับความต้องการใช้งาน
และมีการใช้อาคารสถานที่อย่างเป็นระบบ
1.3 การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและชุมชน พบว่า ผู้ปกครองและชุมชนมีความสัมพันธ์และให้ความร่วมมือกับโรงเรียน
คือ ร่วมเป็นคณะกรรมการของโรงเรียนและภาคีเครือข่ายโรงเรียน เชิญผู้ปกครองและชุมชนเข้ามาร่วมจัดการศึกษา
พัฒนาการศึกษาให้ข้อมูลพัฒนาโรงเรียน และให้คำปรึกษาที่ดีกับชุมชน โดยการส่งคณะครูและนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมที่ชุมชนเป็นผู้จัด
นอกจากนี้ผู้ปกครองและชุมชนได้เข้ามาช่วยสอดส่องพฤติกรรมนักเรียน เป็นวิทยากร/ภูมิปัญญา
เป็นแหล่งเรียนรู้ในการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน สนับสนุนงบประมาณ
และวัตถุอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน
2.
การจัดการทางด้านวิชาการที่เป็นกระบวนการนำไปสู่โรงเรียนดีที่ทำให้ผู้
เรียนมีคุณภาพ ได้แก่ หลักสูตรสถานศึกษา
การจัดการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศและระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
2.1 หลักสูตรสถานศึกษา
โรงเรียนต้องสร้างหลักสูตรของตนเอง โดยมีหลักสูตรแกนกลางเป็นกรอบทิศทางในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
มีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นข้อกำหนดคุณภาพของผู้เรียน และการบริหารจัดการเน้นการมีส่วนร่วมของฝ่ายบริหาร
ครู บุคลากร และชุมชน เพื่อให้สนองความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดทำหลักสูตรแบบมีส่วนร่วม
โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองและผู้แทนของชุมชนเข้ามาร่วมวางแผน
2.2 การเรียนรู้ โรงเรียนมีระบบการเรียนรู้ คือ
มีการวิเคราะห์หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน วิเคราะห์ผู้เรียน ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้
และการประเมินผลการเรียนรู้แต่ละหน่วย มีการผลิตและพัฒนานวัตกรรม
พัฒนาแหล่งเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ นิเทศติดตาม/แลกเปลี่ยนเรียนรู้
ประเมินผลการเรียนรู้ การพัฒนาการจัดการเรียนรู้
การวิจัยพัฒนาการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง และบันทึกสรุปผลรายงาน
ในการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระต่างๆ มีกระบวนการและวิธีการที่หลากหลาย โดยผู้สอนต้องคำนึงถึงพัฒนาการทางด้านร่างกายและสติปัญญา
วิธีการเรียนรู้ ความสนใจ และความสามารถของผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละช่วงชั้นมีวิธีการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย
เช่น การเรียนรู้ด้วยตัวเอง เรียนรู้ร่วมกัน เรียนรู้จากธรรมชาติ เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง
เรียนรู้แบบบูรณาการ เรียนรู้ผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งภูมิปัญญาชาวบ้านที่ช่วยในการถ่ายทอดประสบการณ์ให้นักเรียนได้เรียน
รู้ตามสื่อที่นักเรียนสนใจ มีการวัดและประเมินผลตามสภาพจริง และใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
2.3 ระบบสารสนเทศ โรงเรียนมีและใช้ระบบสารสนเทศในด้านการบริหารจัดการและด้านการเรียนรู้
เพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องและชุมชนได้รับรู้เกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานและ ข่าวสารต่างๆ
ของโรงเรียน ข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียนมีความสำคัญนั้นหากโรงเรียนมีระบบข้อมูลสารสานเทศ
เกี่ยวกับนักเรียน ครู และผู้บริหาร ตลอดจนผลการดำเนินงานของโรงเรียนครบถ้วนถูกต้อง
เป็นปัจจุบัน ตรงกับความต้องการ
และสามารถนำไปใช้ทันต่อการใช้งานอย่างต่อเนื่องแล้ว จะเป็นประโยชน์และมีความสำคัญต่อการตัดสินใจ
และการวางแผนบริหารงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2.4 ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนมีระบบการดำเนินงาน คือการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
การคัดกรองนักเรียน การส่งเสริมนักเรียน การป้องกันและช่วยเหลือนักเรียน และการส่งต่อ
การจัดกิจกรรมดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นการประสานสัมพันธ์กับผู้ปกครองและ นักเรียนอย่างสม่ำเสมอ
โดยมีการบวนการดำเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างมีขั้นตอน พร้อมด้วยวิธีการและเครื่องมือการทำงานที่ชัดเจน
โดยมีครูประจำชั้นเป็นบุคลากรหลัก ในการดำเนินการมีประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับครูที่เกี่ยวข้องหรือ
บุคลากรภายนอก รวมทั้งการสนับสนุนส่งเสริมจากโรงเรียน
3.
คุณภาพผู้เรียนตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นผลผลิตของการจัดการการ ศึกษาคุณภาพของผู้เรียนด้านความรู้ความสามารถทางวิชาการ
พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นและมีคะแนนเฉลี่ยของแต่ละ กลุ่มสาระเพิ่มขึ้น
นักเรียนมีความสามารถในการวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ เรียนรู้ด้วยตัวเอง
และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ สำหรับความรู้ความสามารถในการแข่งขัน
พบว่า นักเรียนบางคนมีความสามารถและผลการเรียนดีเด่น สามารถสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนในการแข่งขันต่างๆ
ได้ ซึ่งสอดคล้องกับจุดหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เน้นให้ผู้เรียนมี ความสร้างสรรค์
ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รักการอ่าน รักการเรียน และรักการค้นคว้า มีความรู้อันเป็นสากลรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าทางวิทยาการ
มีทักษะและศักยภาพในการจัดการ การสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยี ปรับวิธีการคิด
วิธีการทำงานได้เหมาะสมกับสถานการณ์ สำหรับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน
พบว่า โรงเรียนมีการจัดกิจกรรมให้นักเรียนมีความประพฤติที่แสดงออกอย่างเหมาะสมกับ วัย
มีคุณธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
มีความอดทนเสียสละเพื่อส่วนรวม สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
มีทักษะในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง มีทักษะในการทำงาน มีสุนทรียภาพด้านศิลปะ
ดนตรี และกีฬา ปฏิบัติตนตามหลักเบื้องต้นของสาสนา ตระหนักในคุณค่าของภูมิปัญญาไทย และนำภูมิปัญญาไทยมาประยุกต์ใช้
รู้คุณค่า มีจิตสำนึก และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ มีสุขภาพแข็งแรง
และจิตใจแจ่มใส
โรงเรียนดีมีคุณภาพ (Ouality In School)
การปฏิรูปการศึกษา ได้มีการจัดระบบโครงสร้างการบริหารจัดการศึกษา โดยการกระจายอำนาจในการบริหารจัดการศึกษาไปสู่โรงเรียน จึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหารและบุคลากรในโรงเรียนที่จะร่วมมือกันทำให้ โรงเรียนของตนเป็นโรงเรียนที่ดี มีคุณภาพ
การกระจายอำนาจการบริหารโรงเรียน ส่งผลให้โรงเรียนคิดเอง ทำเอง วางแผนเอง บริหารเอง แก้ไขปัญหาเอง ตัดสินใจเอง และต้องรับผิดชอบต่อผลการเรียนของเด็กเองด้วย ขณะเดียวกันก็ให้ผู้มีประโยชน์ได้เสียร่วมกัน อันได้แก่ ตัวนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน ครู - อาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนและมีส่วนรับผิดชอบด้วยกัน แต่ละโรงเรียนจะต้องใช้แผนยุทธศาสตร์ อันเป็นแผนปรับปรุงพัฒนาเฉพาะของแต่ละโรงเรียน เป็นเครื่องมือทำงานแต่ละช่วงเวลาอย่างมีเป้าหมายชัดเจน แก้ปัญหาเฉพาะของตนเอง มีจุดเน้นและแนวทางปรับปรุงพัฒนาเป็นการเฉพาะโรงเรียนอย่างแน่นอน
อธิปัตย์ คลี่สุนทร (2547. เว็บไซต์) กล่าวถึงยุทธศาสตร์การบริหารในยุคโลกาภิวัตน์ ว่าผู้บริหารโรงเรียนพยายามใช้ยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อบริหารให้งาน สำเร็จ โดยยึดหลักการสำคัญ คือ คนเท่าเดิมทำงานได้มากขึ้น งานเท่าเดิมแต่ใช้คนน้อยลง และคุณภาพของงานต้องดีเท่าเดิม หรือดีกว่า ยุทธศาสตร์ที่ใช้ ประกอบด้วยคือ
1. การใช้ระบบข้อมูลสารสนเทศ (Information Utilization)
2. การบริหารทางไกล (High-Tech Administration)
3. การหาความรู้ทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Literacy)
4. การมองการณ์ไกล (Introspection) ผู้บริหารและคณะต้องมีวิสัยทัศน์ (vision) กว้างไกล
5. การใช้หน่วยงาน/องค์กรอื่นทำงาน (Decentralization)
6. การจัดรูปองค์กรที่ทำงานได้ฉับไว (Organization Development)
7. การพัฒนาบุคลากร (Personnel Development)
การปฏิรูปการศึกษา ได้มีการจัดระบบโครงสร้างการบริหารจัดการศึกษา โดยการกระจายอำนาจในการบริหารจัดการศึกษาไปสู่โรงเรียน จึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหารและบุคลากรในโรงเรียนที่จะร่วมมือกันทำให้ โรงเรียนของตนเป็นโรงเรียนที่ดี มีคุณภาพ
การกระจายอำนาจการบริหารโรงเรียน ส่งผลให้โรงเรียนคิดเอง ทำเอง วางแผนเอง บริหารเอง แก้ไขปัญหาเอง ตัดสินใจเอง และต้องรับผิดชอบต่อผลการเรียนของเด็กเองด้วย ขณะเดียวกันก็ให้ผู้มีประโยชน์ได้เสียร่วมกัน อันได้แก่ ตัวนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน ครู - อาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนและมีส่วนรับผิดชอบด้วยกัน แต่ละโรงเรียนจะต้องใช้แผนยุทธศาสตร์ อันเป็นแผนปรับปรุงพัฒนาเฉพาะของแต่ละโรงเรียน เป็นเครื่องมือทำงานแต่ละช่วงเวลาอย่างมีเป้าหมายชัดเจน แก้ปัญหาเฉพาะของตนเอง มีจุดเน้นและแนวทางปรับปรุงพัฒนาเป็นการเฉพาะโรงเรียนอย่างแน่นอน
อธิปัตย์ คลี่สุนทร (2547. เว็บไซต์) กล่าวถึงยุทธศาสตร์การบริหารในยุคโลกาภิวัตน์ ว่าผู้บริหารโรงเรียนพยายามใช้ยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อบริหารให้งาน สำเร็จ โดยยึดหลักการสำคัญ คือ คนเท่าเดิมทำงานได้มากขึ้น งานเท่าเดิมแต่ใช้คนน้อยลง และคุณภาพของงานต้องดีเท่าเดิม หรือดีกว่า ยุทธศาสตร์ที่ใช้ ประกอบด้วยคือ
1. การใช้ระบบข้อมูลสารสนเทศ (Information Utilization)
2. การบริหารทางไกล (High-Tech Administration)
3. การหาความรู้ทำงานกับระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Literacy)
4. การมองการณ์ไกล (Introspection) ผู้บริหารและคณะต้องมีวิสัยทัศน์ (vision) กว้างไกล
5. การใช้หน่วยงาน/องค์กรอื่นทำงาน (Decentralization)
6. การจัดรูปองค์กรที่ทำงานได้ฉับไว (Organization Development)
7. การพัฒนาบุคลากร (Personnel Development)
สุรัฐ ศิลปะอนันต์ (2543. เว็บไซต์) กล่าวถึงยุทธศาสตร์ที่จะทำให้โรงเรียนมีประสิทธิภาพ คือ การกระจายอำนาจ (ในการบริหาร)
การใช้แผนยุทธศาสตร์ (เป็นเครื่องมือปรับปรุงโรงเรียน)
การมีส่วนร่วม (ของทุกฝ่ายที่มีประโยชน์ได้เสียกับโรงเรียน)
การประเมินผลและการรายงาน การประกันคุณภาพ
|
โรงเรียนดีมีคุณภาพ ต้องมีองค์ประกอบ 10 ประการ
แนวทางการจัดตามหลักการของโรงเรียนในฝันดังต่อไปนี้
1. ผู้บริหารโรงเรียน ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการ มีจิตสำนึกในการที่จะพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับของสังคม ผู้บริหารควรมีเวลาอยู่ประจำสถานศึกษา เพื่อดูแลการปฏิบัติงานภายในให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
2. มีบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ที่เอื้อต่อการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุข มุ่งเน้นการเรียนการสอนตามธรรมชาติ โดยให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริง และปลูกฝังเรื่องความสะอาด ความมีวินัย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความรักสามัคคี รวมทั้งการจัดให้โรงเรียนมีความร่มรื่น มีต้นไม้ แหล่งน้ำ บ่อน้ำ ไร้ฝุ่น ไร้มลภาวะ
3. เป็นโรงเรียนที่มีความพร้อม มีแผนผังเต็มรูปแบบ มีห้องเรียน ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ ตลอดจนสนามกีฬาครบครัน โดยให้เหมาะสมกับสภาพของท้องถิ่น
4. มีอุปกรณ์การเรียนการสอนครบครัน โดยจัดซื้อในราคาท้องตลาดที่เป็นธรรม ทั้งให้เหมาะสมกับการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
5. มีบุคลากร ครูผู้สอนครบตามเกณฑ์ หากขาดแคลนควรให้ครูที่เกษียณอายุ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วยสอน และหรือให้มีระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
6. องค์กรท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการ หรือด้านบริหาร เช่น กำหนดหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น ได้แก่ การสอนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา การสอนวิชาชีพการเกษตร การก่อสร้าง การไฟฟ้า เป็นต้น
7. การเก็บค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมการศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษา และจัดอุปกรณ์การเรียนการสอนให้ครบครัน ทั้งนี้ ให้ยกเว้นค่าเล่าเรียนสำหรับเด็กยากจน และจ่ายค่าตอบแทนให้นักเรียนในการพัฒนาหรือฝึกปฏิบัติ ฝึกอาชีพ ที่เกิดรายได้และเป็นประโยชน์แก่โรงเรียน เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว การเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เป็นต้น
8. มีการส่งเสริมให้กลุ่มบุคคลหรือชุมชน มีส่วนร่วมในการแสวงหาทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการบริหารการจัดการของสถานศึกษา การจัดสวัสดิการให้กับครู เช่น การจัดที่พัก ค่าตอบแทน ค่าล่วงเวลา ค่าสอนพิเศษ ค่าฝึกอบรม ตลอดจนการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครู
9. มีการวัดและประเมินผลทางการศึกษาที่มุ่งเน้นผลผลิต คือ คุณภาพของนักเรียนตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
10. เป็นโรงเรียนที่ผู้นำท้องถิ่น และผู้ปกครองทุกระดับทุกประเภท ยอมรับว่าเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพและมาตรฐาน อาจมีอีกหลายแนวทางที่เราสามารถทำได้ หากแต่ควรคำนึงถึงบริบทของสถานศึกษาเป็นสำคัญ
1. ผู้บริหารโรงเรียน ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ ผู้อำนวยการ มีจิตสำนึกในการที่จะพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและยกระดับมาตรฐานการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับของสังคม ผู้บริหารควรมีเวลาอยู่ประจำสถานศึกษา เพื่อดูแลการปฏิบัติงานภายในให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
2. มีบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ที่เอื้อต่อการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุข มุ่งเน้นการเรียนการสอนตามธรรมชาติ โดยให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริง และปลูกฝังเรื่องความสะอาด ความมีวินัย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความรักสามัคคี รวมทั้งการจัดให้โรงเรียนมีความร่มรื่น มีต้นไม้ แหล่งน้ำ บ่อน้ำ ไร้ฝุ่น ไร้มลภาวะ
3. เป็นโรงเรียนที่มีความพร้อม มีแผนผังเต็มรูปแบบ มีห้องเรียน ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ ตลอดจนสนามกีฬาครบครัน โดยให้เหมาะสมกับสภาพของท้องถิ่น
4. มีอุปกรณ์การเรียนการสอนครบครัน โดยจัดซื้อในราคาท้องตลาดที่เป็นธรรม ทั้งให้เหมาะสมกับการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
5. มีบุคลากร ครูผู้สอนครบตามเกณฑ์ หากขาดแคลนควรให้ครูที่เกษียณอายุ หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิมาช่วยสอน และหรือให้มีระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
6. องค์กรท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการ หรือด้านบริหาร เช่น กำหนดหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น ได้แก่ การสอนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา การสอนวิชาชีพการเกษตร การก่อสร้าง การไฟฟ้า เป็นต้น
7. การเก็บค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมการศึกษาเพื่อพัฒนาสถานศึกษา และจัดอุปกรณ์การเรียนการสอนให้ครบครัน ทั้งนี้ ให้ยกเว้นค่าเล่าเรียนสำหรับเด็กยากจน และจ่ายค่าตอบแทนให้นักเรียนในการพัฒนาหรือฝึกปฏิบัติ ฝึกอาชีพ ที่เกิดรายได้และเป็นประโยชน์แก่โรงเรียน เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว การเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา เป็นต้น
8. มีการส่งเสริมให้กลุ่มบุคคลหรือชุมชน มีส่วนร่วมในการแสวงหาทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการบริหารการจัดการของสถานศึกษา การจัดสวัสดิการให้กับครู เช่น การจัดที่พัก ค่าตอบแทน ค่าล่วงเวลา ค่าสอนพิเศษ ค่าฝึกอบรม ตลอดจนการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครู
9. มีการวัดและประเมินผลทางการศึกษาที่มุ่งเน้นผลผลิต คือ คุณภาพของนักเรียนตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
10. เป็นโรงเรียนที่ผู้นำท้องถิ่น และผู้ปกครองทุกระดับทุกประเภท ยอมรับว่าเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพและมาตรฐาน อาจมีอีกหลายแนวทางที่เราสามารถทำได้ หากแต่ควรคำนึงถึงบริบทของสถานศึกษาเป็นสำคัญ
โรงเรียนดีมีคุณภาพควรเป็นโรงเรียนที่ได้พัฒนาตนเองให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
โดยการที่จะพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ทั้งผู้บริหาร ครูผู้สอน กรรมการสถานศึกษา ผู้นำชุมชน ผู้ปกครอง ประชาชน และหน่วยงานองค์กรในท้องถิ่น โรงเรียนควรมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายของโรงเรียนให้ชัดเจนและดำเนินงาน ตามทิศทางที่โรงเรียนกำหนดไว้
ซึ่งมุ่งไปที่นักเรียน คือสอนให้เป็นคนดีมีปัญญา มีศีลสมาธิ และมองภาพให้เกิดในอนาคตร่วมกัน กำหนดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน
นอกจากนี้ การพัฒนาบุคลากรยังเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียน เพราะบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งครูเป็นคนสำคัญที่จะสร้างกลไกต่าง
ๆ ให้เกิดขึ้นที่จะส่งผลต่อคุณภาพของนักเรียน โดยต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะจัดการเรียนการสอนให้นักเรียน บรรลุตามเป้าหมายของหลักสูตรที่ไดกำหนดไว้ และในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ อดทน
เข้าใจนักเรียน เป็นผู้ให้ข้อมูลและสนับสนุนหลังจากการทำกิจกรรมตามที่นักเรียนสนใจ
ในหนังสือเรื่อง Quality in Teaching หนังสือแปลสาขาการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ 2545
ในหนังสือเรื่อง Quality in Teaching หนังสือแปลสาขาการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ 2545
กล่าวถึงคุณลักษณะของโรงเรียนที่มีคุณภาพว่าเกิดจากโรงเรียนที่มีครูคุณภาพ สูง ที่มีคุณลักษณะ 8 ประการ กล่าวคือ
1. เป็นโรงเรียนที่มีวิสัยทัศน์และคุณค่า
2. เป็นโรงเรียนที่ส่งเสริมคุณภาพครูให้พัฒนาวิธีจัดระบบการเรียนการสอน เพื่อสนับสนุนผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน
3. เป็นโรงเรียนที่มีการบริหารจัดการมีทีมทำงานและจัดระบบการทำงานร่วมกันในโรงเรียน
4. มีกระบวนการกำหนดนโยบาย แยกแยะความจำเป็นเร่งด่วนที่เกิดจากประสบการณ์มากกว่าเกิดจากกระบวนการตามระบบราชการ
5. มีลักษณะความเป็นผู้นำ หมายถึงส่งเสริมความเป็นผู้นำในการพัฒนาการเฉพาะกิจต่างๆให้แก่ครูทั่วทั้งโรงเรียน
6. เป็นโรงเรียนที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการเป็นวิชาชีพแก่ครู
7. เป็นโรงเรียนที่สร้างความเชื่อมโยงและมีการตอบสนองต่อชุมชน
8. มีวัฒนธรรมของโรงเรียน
1. เป็นโรงเรียนที่มีวิสัยทัศน์และคุณค่า
2. เป็นโรงเรียนที่ส่งเสริมคุณภาพครูให้พัฒนาวิธีจัดระบบการเรียนการสอน เพื่อสนับสนุนผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน
3. เป็นโรงเรียนที่มีการบริหารจัดการมีทีมทำงานและจัดระบบการทำงานร่วมกันในโรงเรียน
4. มีกระบวนการกำหนดนโยบาย แยกแยะความจำเป็นเร่งด่วนที่เกิดจากประสบการณ์มากกว่าเกิดจากกระบวนการตามระบบราชการ
5. มีลักษณะความเป็นผู้นำ หมายถึงส่งเสริมความเป็นผู้นำในการพัฒนาการเฉพาะกิจต่างๆให้แก่ครูทั่วทั้งโรงเรียน
6. เป็นโรงเรียนที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการเป็นวิชาชีพแก่ครู
7. เป็นโรงเรียนที่สร้างความเชื่อมโยงและมีการตอบสนองต่อชุมชน
8. มีวัฒนธรรมของโรงเรียน
การบริหารจัดการศึกษาสู่ความเป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพประจำตำบล
ผู้นำคุณภาพ ครูคุณภาพ
นักเรียนคุณภาพ ผู้ปกครองคุณภาพ คณะกรรมการสถานศึกษาคุณภาพ
ชุมชนคุณภาพ คือหัวใจสำคัญในการสร้างคุณภาพการศึกษา
โรงเรียนรวมมิตรวิทยาจึงนำแนวคิด ของอริสโตเติล ที่กล่าวว่า Quality is not
an action. it is a habit. คุณภาพไม่ใช่สิ่งที่เป็นเพียงการปฏิบัติในครั้งหนึ่งครั้งใดเท่านั้น
แต่ต้องทำจนเป็นนิสัยต่อเนื่อง
จากแนวคิดดังกล่าวโรงเรียนรวมมิตรวิทยาจึงเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพประจำตำบล เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาในชนบทให้ทัดเทียมกับโรงเรียนสากล การจะสร้างโรงเรียนดีมีคุณภาพจะต้องมีองค์ประกอบหลายประการแต่ที่สำคัญทุกคน จะต้องมีหัวใจ " รักศรัทธา"
รัก คือ เมตตา กรุณา รับผิดชอบ เสียสละ จิตอาสา
ศรัทธา คือ ความเชื่อ เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
จากแนวคิดดังกล่าวโรงเรียนรวมมิตรวิทยาจึงเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพประจำตำบล เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาในชนบทให้ทัดเทียมกับโรงเรียนสากล การจะสร้างโรงเรียนดีมีคุณภาพจะต้องมีองค์ประกอบหลายประการแต่ที่สำคัญทุกคน จะต้องมีหัวใจ " รักศรัทธา"
รัก คือ เมตตา กรุณา รับผิดชอบ เสียสละ จิตอาสา
ศรัทธา คือ ความเชื่อ เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ปัจจัยสำคัญในการสร้างโรงเรียนดีมีคุณภาพ
คือ ผู้นำ คุณสมบัติผู้นำโรงเรียนดีมีคุณภาพต้องมีคุณสมบัติ 10 ประการ
1. กล้าเปลี่ยนแปลง
2. มีจิตวิทยา มีมนุษยสัมพันธ์
3. จูงใจคนได้ดี
4. มีความรับผิดชอบสูง
5. มีความรอบรู้ มีสังคม
6. มีทั้งความยืดหยุ่นและเด็ดขาด
7. เป็นนักประสานที่ดี
8. มีความกระตือรือร้น
9. ทำงานเคียงข้างลูกน้อง
10. มีความน่านับถือศรัธา
ผู้บริหารโรงเรียนดีมีคุณภาพต้องมีหัวใจผู้นำ 9 ข้อ คือ
1. มีวุฒิภาวะ
2. กล้าตัดสินใจ
3. ซื่อตรง ยุติธรรม
4. มอบหมายงานเป็น
5. ควบคุมดูแลและบริหารจัดการเป็น
6. มีสายตาเฉียบคม มองการณ์ไกล
7. สนับสนุนคนเก่ง
8. ใช้เหตุผล ระงับอารมณ์เป็น
9. มีทักษะในการสื่อสาร
ผู้นำโรงเรียนดีมีคุณภาพนับว่ามีความสำคัญที่นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย ผู้นำยุคใหม่หัวใจปฏิรูปต้องมีหัวใจ "รักศรัทธา"
1. กล้าเปลี่ยนแปลง
2. มีจิตวิทยา มีมนุษยสัมพันธ์
3. จูงใจคนได้ดี
4. มีความรับผิดชอบสูง
5. มีความรอบรู้ มีสังคม
6. มีทั้งความยืดหยุ่นและเด็ดขาด
7. เป็นนักประสานที่ดี
8. มีความกระตือรือร้น
9. ทำงานเคียงข้างลูกน้อง
10. มีความน่านับถือศรัธา
ผู้บริหารโรงเรียนดีมีคุณภาพต้องมีหัวใจผู้นำ 9 ข้อ คือ
1. มีวุฒิภาวะ
2. กล้าตัดสินใจ
3. ซื่อตรง ยุติธรรม
4. มอบหมายงานเป็น
5. ควบคุมดูแลและบริหารจัดการเป็น
6. มีสายตาเฉียบคม มองการณ์ไกล
7. สนับสนุนคนเก่ง
8. ใช้เหตุผล ระงับอารมณ์เป็น
9. มีทักษะในการสื่อสาร
ผู้นำโรงเรียนดีมีคุณภาพนับว่ามีความสำคัญที่นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย ผู้นำยุคใหม่หัวใจปฏิรูปต้องมีหัวใจ "รักศรัทธา"
ภาพลักษณ์ของโรงเรียนคุณภาพ
ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันของสังคมไทย
และท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์หลายรูปแบบในสังคม
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม
สภาพดังกล่าวส่งผลให้เกิดกระแสเรียกร้องการปฏิรูปการศึกษาขึ้น เพื่อให้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม
การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศอย่างแท้จริง (ปฐมพงศ์
ศุภเลิศ. 2548:30) ดังนั้นถ้าจะเปรียบโรงเรียนเหมือนกับโรงงานอุตสาหกรรม
นักเรียนก็เหมือนสินค้าที่ผลิตออกมาสู่ตลาด
ซึ่งอาจเป็นสินค้าที่วางขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า
หรือจะเป็นสินค้าขายอยู่ตามตลาดทั่วไป
หรือขายแบกับดินก็อยู่ที่โรงเรียนมีกระบวนการควบคุมและพัฒนาคุณภาพของสินค้าให้เป็นที่นิยมแพร่หลายได้ดีเพียงไร
(สมชาย เทพแสง 2543
:13) และการที่สถานศึกษาจะจัดการศึกษาให้เด็กและเยาวชน
มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นที่พึงพอใจของสังคมได้ว่าเป็นคนดีมีความรู้ ความสามารถ มีคุณภาพระดับสากล ในขณะเดียวกันหัวใจและวิญญาณ ก็ต้องซึ้งและแน่นแฟ้นในคุณธรรมและวัฒนธรรมไทยอยู่ในสังคมโลกยุคโลกาวิภัตน์ได้อย่างดี
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่โรงเรียนจะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการ ปรับปรุงพัฒนาโรงเรียน
โดยความร่วมมือกับผู้บริหารโรงเรียนและบุคลากรทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง (สุรัฐ ศิลปอนันต์ , 2545 :209)
โรงเรียนทุกโรงเรียน
จะมีการพัฒนาสู่ความเป็นโรงเรียนคุณภาพได้
ต้องอาศัยการปฏิบัติงานที่ดีของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการบริหารโรงเรียน
การบริหารโรงเรียนเพื่อให้มีคุณภาพ ต้องใช้ความรู้ ความสามารถอย่างมาก ทั้งทางด้านทฤษฏีและการปฏิบัติ
จึงจะทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในวงการศึกษา ซึ่งขึ้นอยู่กับบุคคลหลายฝ่าย
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือผู้บริหารโรงเรียนจะต้องเป็นผู้นำที่มีความรู้ความสามารถ เป็นผู้นำในการปฏิบัติงานของโรงเรียน
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 9 ได้ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดยเสริมสร้างความพร้อมของสถานบันการศึกษาและฝึกอบรม
ทั้งในด้านโครงสร้างการบริหารจัดการ ด้านระบบการเรียนการสอน และหลักสูตร และด้านบุคลากรให้ได้มาตรฐาน และเป็นสากลมากขึ้น
เพื่อสนับสนุนบทบาทของประเทศ ในการเป็นศูนย์กลางการศึกษาและวิทยาการของภูมิภาค(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.2544 :41)
ดังนั้นภาพของโรงเรียนที่เกิดจากการรับรู้ ความเข้าใจ
ความประทับใจ
ทั้งทางตรงและทางอ้อมในจิตใจประชาชนต่อการดำเนินงานของโรงเรียน เพื่อให้เป็นที่น่าเชื่อถือ ศรัทธาและยอมรับ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของโรงเรียน
(ลักษณา สตะเวทิน. 2542 :100) และการดำเนินการจัดการศึกษาของโรงเรียน
เพื่อให้มีภาพลักษณ์ที่ดีและมีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการด้วยกลยุทธ์ที่มีการบูรณา
การและความร่วมมือของกลุ่มคนกลุ่มต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่สำคัญยิ่งคือ
ความร่วมมือของนักเรียน ผู้ปกครอง ครู
และผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาทุกฝ่าย
เนื่องจากภาพลักษณ์องค์รวมจะส่งผลต่อความเจริญก้าวหน้าของโรงเรียน
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์โรงเรียนคุณภาพ คือ
1.ความเชื่อถือ
1.1 บุคลากร
ผู้บริหาร ครู และเจ้าหน้าที่ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ประพฤติดี
และปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
1.2 ชื่อเสียงของโรงเรียน ในด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านรวมกัน เช่น ด้านวิชาการ กีฬา ดนตรี
จริยธรรม
1.3 ความเหมาะสมของอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
1.4
การพัฒนาโรงเรียนจนได้รับรางวัลและการยกย่อง เช่นโรงเรียนพระราชทาน
2. การยอมรับ
1.1 ผู้ปกครองนิยมส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาต่อมากขึ้น
1.2
บุคลากรในโรงเรียนเป็นผู้นำในการดำเนินกิจกรรมของชุมชน
1.3
โรงเรียนมีโครงการที่ดำเนินร่วมกับผู้ปกครองและชุมชน
3.
ความเลื่อมใสศรัทธา
1.1 ความภาคภูมิใจของนักเรียนที่จบจากโรงเรียนแล้วประสบความสำเร็จในการทำงานและการศึกษาต่อ
1.2
ความประทับใจของนักเรียนและผู้ปกครองที่มีต่อโรงเรียน
กลยุทธ์ในการสร้างภาพลักษณ์
ควรดำเนินการดังนี้
1.
สร้างความรู้สึกให้ประชาชนยอมรับและเห็นด้วยอันจะเป็นผลให้โรงเรียนเป็นที่เชื่อถือ
2.
ปรับปรุงโรงเรียนทั้งหมด ทั้งด้านการบริหาร การจัดการเรียนการสอน
และการจัดกิจกรรมต่างๆ
3.
กำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายล่วงหน้าเพื่อเป็นแนวทางและหลักชัยในการทำงาน
4.
นำโรงเรียนให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับชุมชนและท้องถิ่นมากขึ้น
5.
สร้างโรงเรียนให้มีชื่อเสียง เช่น การส่งโรงเรียนเข้าประกวด
การส่งครูและนักเรียนไปแข่งขัน
ความรู้และทักษะต่างๆ
6. เน้นการประชาสัมพันธ์โรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนในการสร้างภาพลักษณ์ของโรงเรียน ควรดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
1.
ศึกษาภาพลักษณ์ของโรงเรียน ตามการรับรู้ของบุคลากรในโรงเรียน นักเรียน
ผู้ปกครองชุมชนและสังคมทั่วไป โดยการวิเคราะห์ วิจัย หรือสำรวจความคิดเห็น
2.
สร้างความตระหนักแก่บุคลากรให้เห็นความสำคัญของภาพลักษณ์โรงเรียน
3.
ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน หาความต้องการจำเป็นในการพัฒนาโรงเรียนให้มี
ประสิทธิภาพและเกิดภาพลักษณ์ที่ดี
4.กำหนดวิสัยทัศน์
เป้าหมาย นโยบาย และแผนการดำเนินการเพื่อพัฒนาโรงเรียนให้คุณภาพ
ได้รับการยอมรับเชื่อถือและศรัทธาจากประชาชน
5.ใช้การประชาสัมพันธ์เป็นมาตรการสำคัญในการสร้างความเข้าใจแก่ผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของโรงเรียนควบคู่ไปกับการบริหารและจัดการศึกษาโดยมุ่งเน้นความเป็นเลิศ
6.มีการติดตาม
ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานสม่ำเสมอ และนำผลการประเมินไปปรับปรุงการทำงาน
7.ทำการพัฒนาโรงเรียนให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ความสำเร็จในการสร้างภาพลักษณ์ของโรงเรียน
นอกจากการทำจริงและการประชาสัมพันธ์แล้ว
ต้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมมากที่สุดในทางใดทางหนึ่ง
ความสำเร็จในการสร้างภาพลักษณ์ของโรงเรียน นอกจากการทำจริงและการประชาสัมพันธ์แล้ว ต้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมมาก ที่สุดในทางใดทางหนึ่งโดย พื้นฐานของการทำงานแล้ว การรู้เขา - รู้เรา เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยพัฒนาภาพลักษณ์ขององค์การได้เป็นอย่างดี การรู้เราคือการรู้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทั้งหมด เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าปัจจุบันองค์การของเราเป็นอย่างไร ซึ่งจะได้จากการสำรวจสภาพองค์การ ส่วนการรับรู้เขานับเป็นจุดที่สำคัญยิ่งในการสร้างภาพลักษณ์ ที่เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าบุคคลอื่นหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์การนั้นมององค์การอย่างไร เพื่อที่จะได้รับทราบข้อมูลความต้องการ เพื่อตอบสนองให้ตรงกับความต้องการ ถ้าเปรียบเทียบกับทางธุรกิจจะมีคำพูดว่า " ลูกค้าต้องการอะไร " ดังนั้น การสร้างภาพลักษณ์ให้เกิดขึ้นในองค์การ สิ่งแรกที่จะต้องพิจารณาคือต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เขามององค์การอย่างไร วิธีการที่จะทราบว่าภาพลักษณ์องค์การในสายตาของกลุ่มเป้าหมายของเรานั้นอาจจะได้จากการสำรวจความคิดเห็นการทำวิจัยการสอบถาม สัมภาษณ์ การรับฟังข้อมูลจากหลายๆ ฝ่ายซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการที่จะนำมากำหนดภาพลักษณ์ขององค์การต่อไป
ความสำเร็จในการสร้างภาพลักษณ์ของโรงเรียน นอกจากการทำจริงและการประชาสัมพันธ์แล้ว ต้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และผู้เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมมาก ที่สุดในทางใดทางหนึ่งโดย พื้นฐานของการทำงานแล้ว การรู้เขา - รู้เรา เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยพัฒนาภาพลักษณ์ขององค์การได้เป็นอย่างดี การรู้เราคือการรู้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานทั้งหมด เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าปัจจุบันองค์การของเราเป็นอย่างไร ซึ่งจะได้จากการสำรวจสภาพองค์การ ส่วนการรับรู้เขานับเป็นจุดที่สำคัญยิ่งในการสร้างภาพลักษณ์ ที่เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าบุคคลอื่นหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์การนั้นมององค์การอย่างไร เพื่อที่จะได้รับทราบข้อมูลความต้องการ เพื่อตอบสนองให้ตรงกับความต้องการ ถ้าเปรียบเทียบกับทางธุรกิจจะมีคำพูดว่า " ลูกค้าต้องการอะไร " ดังนั้น การสร้างภาพลักษณ์ให้เกิดขึ้นในองค์การ สิ่งแรกที่จะต้องพิจารณาคือต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เขามององค์การอย่างไร วิธีการที่จะทราบว่าภาพลักษณ์องค์การในสายตาของกลุ่มเป้าหมายของเรานั้นอาจจะได้จากการสำรวจความคิดเห็นการทำวิจัยการสอบถาม สัมภาษณ์ การรับฟังข้อมูลจากหลายๆ ฝ่ายซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการที่จะนำมากำหนดภาพลักษณ์ขององค์การต่อไป
ในการวางแผนการกำหนดทิศทางในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและมีคุณภาพให้เกิดขึ้นต่อไปโดยการวิจัย
สำรวจ
ศึกษาการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายในส่วนของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของสถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษาอันได้แก่ตัวสถาบันวิทยากร การบริหาร และการให้บริการความคิดเห็นและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
โดยใช้เครื่องมือเพื่อสอบถามเพื่อจะได้ทราบข้อมูล
และนำมาพัฒนาหน่วยงานให้มีความเจริญก้าวหน้า
แนวทางในการพัฒนาคุณภาพ ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้
1.
โรงเรียนควรมีความพร้อมด้านปัจจัยในการผลิตอย่างครบถ้วน
ซึ่งปัจจุบันแต่ละโรงเรียนมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ทั้งด้านอาคารสถานที่ บุคลากร สื่ออุปกรณ์
ตลอดจนงบประมาณในการลงทุน
ดังนั้นการทำโรงเรียนให้มีมาตรฐานเท่าเทียมกันในด้านความพร้อมของโรงเรียนก่อนเป็นอันดับแรก
2.
โรงเรียนต้องมีการกระจายงาน กระจายอำนาจ
ควรพยายามให้การปฏิบัติสู่นักเรียนให้มากที่สุด เพราะเชื่อว่าโรงเรียนก็ต้องเน้นไปที่นักเรียน
ให้นักเรียนมีทัศนคติ ค่านิยมที่ดี หรือมีความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอก
และควรให้อิสระกับนกเรียนมากขึ้นและกระจายความรับผิดชอบให้นักเรียนได้นำเสนอรูปแบบกิจกรรมและตัดสินใจในการปฏิบัติกิจกรรมได้
3.
โรงเรียนต้องเน้นระบบในการทำงาน
ควรคำนึงถึงปัจจัยกระบวนการ ผลผลิต ค่านิยม
ความเชื่อและภูมิหลังของบุคลากรด้วย นอกจากนี้ในการทำงานต้องยึดระบบคุณธรรม
และคำนึงถึงความถูกต้อง ชัดเจน และโปร่งใส
4.
ยึดการทำงานแบบมีส่วนร่วม
เน้นระบบทีมงาน
การทำงานเป็นกลุ่มเพื่อเน้นถึงความสามัคคี
โดยเปิดโอกาสให้ชุมขน
องค์กรท้องถิ่น องค์กรชุมชน ภาครัฐและเอกชนต่างๆ
เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงาน
โดยเฉพาะการปลูกฝังให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม
ยึดคติที่ว่าสองหัวดีกว่าหัวเดียวเพื่อเป็นการช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนไม่ทันเพื่อนและยกระดับการเรียนร่วมกัน
ปลูกฝังการช่วยเหลือเกื้อกูล มีน้ำใจต่อกัน
ตลอดจนส่งเสริมการปกครองตามระบบประชาธิปไตย
โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
5.
มีเอกภาพในการบริหารงาน
มีเป้าหมายชัดเจนร่วมกัน และดำเนินงานไปสู่เป้าหมาย อาจมีหลายวิธีการ แต่เป้าหมายต้องตรงกัน เพราะถือว่ามีเจตนารมณ์และทิศทางเดียวกัน มิใช่ฝ่ายหนึ่งเน้นแผนไปอย่าง
อีกฝ่ายหนึ่งเน้นไปอีกแบบหนึ่ง เป็นต้น
ขณะเดียวกันต้องปลูกฝังนักเรียนให้มีแผนหรือเป้าหมายแห่งชีวิต
6.
จัดการศึกษาเพื่อปวงชน
เพราะปัจจุบันโรงเรียนหลายแห่งกายเป็นของผู้มีฐานะ
ซึ่งที่จริงแล้วปรัชญาการศึกษานั้นเน้นโรงเรียนควรเป็นของปวงชน ไม่ว่ายากดีมีจน
จะเป็นบุคคลที่พิการหรือไม่ก็สามารถเข้าเรียนได้
7.
การจัดการศึกษายึดผู้เรียนเป็นสำคัญที่สุด
โรงเรียนต้องคำนึงถึงตั้งแต่การวางนโยบาย แผนการพัฒนานักเรียนไปสู่เป้าหมาย การจัดกิจกรรมทุกเรื่อง
หัวใจสำคัญต้องลงที่นักเรียนในด้านการพัฒนาความรู้ ความสามารถ ทัศนคติ คุณธรรม จริยธรรม
ตลอดจนค่านิยมที่ต้องปลูกฝังเป็นต้น
8.
โรงเรียนมีระบบการประกันคุณภาพที่เป็นมาตรฐานอย่างชัดเจน
เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น
ความเลื่อมใสศรัทธาแก่สังคมและชุมชน โดยเฉพาะผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาฝากเรียนที่โรงเรียน
คงต้องจับตามองโรงเรียนว่าจะพัฒนาบุตรหลานของพวกเขาไปสู่เป้าหมายแต่ไหนและมีระบบประกันคุณภาพอย่างไร ถ้าทุกโรงเรียนสามารถทำอย่างนี้ได้ ทุกโรงเรียนก็จะช่วยสร้างความมั่นใจให้สังคม ชุมชน และผู้ปกครองเป็นอย่างดี
9.
เป็นผู้นำในการพัฒนาและแก้ปัญหาสังคมในชุมชน
โรงเรียนเป็นแหล่งรวมทรัพยากรบุคคล
ผู้มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์จึงจำเป็นต้องอาสาทำหน้าที่เป็นผู้นำชุมชนในการพัฒนาทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรมไทย การแก้ปัญหายาเสพติด ปัญหาแหล่งเสื่อมโทรม ปัญหาการว่างงาน โดยสร้างงานให้กับชุมชน
วางแผนร่วมกันวาจะช่วยเหลือกันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเมือง การส่งเสริมการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย
(สมชาย เทพแสง . 2543 :13-16)
สรุปว่าภาพลักษณ์โรงเรียนคุณภาพเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อความเจริญ
ก้าวหน้าของโรงเรียน
ภาพลักษณ์นั้นเกิดจากความรู้สึกนึกคิดของคนที่มีต่อโรงเรียน
ภาพลักษณ์ของโรงเรียนสามารถสร้างขึ้นมาได้โดยใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม
การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและมีคุณภาพให้เกิดขึ้นแก่โรงเรียนทำได้ยากพอ ๆ
กับการรักษาภาพลักษณ์ของโรงเรียน แต่ก็คงไม่เกินความสามารถ
ของผู้บริหาร
คณะกรรมการโรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องจะทำให้เกิดขึ้นมาได้ (วีระวัฒน์ อุทัยรัตน์
:2546 )
เพื่อสร้างการศึกษาไทยให้เจริญก้าวหน้า
สามารถยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับสังคมชาวโลกได้อย่างภาคภูมิใจ
โรงเรียนดีโรงเรียนดัง
ในการวางแผนการรับนักเรียนเข้าเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะระดับมัธยมศึกษา ได้พบว่าสิ่งที่คิดว่าง่ายหลายอย่างนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด
เนื่องด้วยคนยังติดยึดที่ชื่อโรงเรียนมากกว่าสิ่งอื่นใด การกำหนดให้เรียนในพื้นที่บริการให้เรียนใกล้บ้านนั้น
ถ้าโรงเรียนใกล้บ้านเป็นโรงเรียนมีชื่อเสียงรู้จักกันดี จะไม่มี
ปัญหาในข้อกำหนดนี้เลยแต่คนอื่นที่อยู่ห่างไกลจะเรียกร้องสิทธิที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนดังกล่าว
ไม่ว่าเขาจะอยู่ห่างไกลโรงเรียนเพียงใดก็ตาม ในทางตรงข้าม ถ้าโรงเรียนใกล้ บ้านมีชื่อเสียงน้อยก็อ้างเหตุผลต่าง
ๆ นานา ที่จะขอไปเข้าโรงเรียนอื่นแทน ถามว่าทำไม ถึงเป็นเช่นนั้น คำตอบคือต้องการให้ลูกเรียนโรงเรียนดี
ๆ มีชื่อเสียง เพราะเชื่อว่าถ้าลูก ได้เรียนโรงเรียนดังกล่าว ลูกก็จะได้เป็นคนเก่ง
คนดีเหมือนคนอื่นที่เขาเก่งเขาดี และเคยจบมาจากโรงเรียนนี้
โรงเรียนมีชื่อเสียงคือโรงเรียนดี นี่คือ ทัศนคติของคนโดยทั่วไปคงไม่ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างเตรียมอุดมฯ สวนกุหลาบ วิทยาลัย สตรีวิทยา ฯลฯ ล้วนเป็นโรงเรียนดี มีลูกศิษย์ลูกหาได้ดิบได้ดีเต็มบ้านเต็มเมือง ศิษย์ที่ไม่ประสบความสำเร็จก็พอมีบ้าง แต่คน
โรงเรียนมีชื่อเสียงคือโรงเรียนดี นี่คือ ทัศนคติของคนโดยทั่วไปคงไม่ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงอย่างเตรียมอุดมฯ สวนกุหลาบ วิทยาลัย สตรีวิทยา ฯลฯ ล้วนเป็นโรงเรียนดี มีลูกศิษย์ลูกหาได้ดิบได้ดีเต็มบ้านเต็มเมือง ศิษย์ที่ไม่ประสบความสำเร็จก็พอมีบ้าง แต่คน
ไม่รู้จัก ไม่สนใจ อาจเป็นด้วยมีจำนวนน้อยกว่าผู้ประสบความสำเร็จแล้วโรงเรียนอื่นๆ
มีศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จบ้างหรือไม่ ก็คงตอบได้เช่นกันว่า มีคนดี คนมีชื่อเสียง คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจำนวนมากจบมาจากโรงเรียนมัธยมที่ไม่มีใครรู้จัก
โรงเรียนที่อยู่ห่างไกล โรงเรียนบ้านนอก โรงเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาร คนเด่นคนดีในประเทศไทยที่เข้าลักษณะอย่างนี้มีไม่น้อยเลย
สรุปได้ว่า ความเด่นความมีชื่อเสียงของโรงเรียนอาจเป็นตัวบ่งบอกความมีคุณภาพของโรงเรียน แต่โรงเรียนที่ไม่เด่นไม่ดังก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคุณภาพ และอาจมีคุณภาพไม่แพ้โรงเรียนเด่นโรงเรียนดังก็เป็นไปได้
ความดี ความมีคุณภาพของโรงเรียนนั้น ในสายตาของประชาชนทั่วไปก็แน่นอนต้องดูที่ชื่อเสียงโรงเรียน แต่โรงเรียนดี ๆ มีคุณภาพจำนวนมากไม่มีชื่อเสียง สะดุดหูสะดุดตาเหมือนโรงเรียนดังอื่น ๆ คนเลยไม่รู้จัก ไม่เข้าใจว่าเป็นโรงเรียนที่เขาควรส่งลูกหลานเข้าเรียน แล้วก็เลยพยายามแย่งกันเข้าเรียนในโรงเรียนดัง ๆ ให้ได้ ถ้าไม่ได้มีบ้านอยู่ใกล้ก็ขวนขวายไปสอบ วิ่งเต้นทุกวิถีทางทั้งถูกต้องและไม่ถูกต้อง บางคนก็ต้องเสียเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนดัง สำเร็จก็มี ล้มเหลวก็มี จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสาร น่าเห็นใจ คิดว่าถ้าประชาชนเข้าใจว่าโรงเรียนมีคุณภาพเป็นอย่างไร ก็จะผ่อนคลายการแย่งกันเข้าโรงเรียนดัง ๆ ได้
การหาที่เรียนให้ลูกหลานไม่จำเป็นต้องยึดติดไขว่คว้าหาโรงเรียนดังเหมือนคนอื่นเขาควรหาโรงเรียนดี จึงจะเข้าทีกว่าโรงเรียนดีเป็นอย่างไร ตรงนี้ขึ้นกับว่าท่านอยากให้ลูกหลานเป็นอย่างไรแล้วหาโรงเรียนที่คิดว่าจะสร้างลูกหลานเช่นนั้นได้ ที่จริงกระทรวงศึกษาธิการก็คิดเช่นเดียวกันนี้ คิดแล้วก็พยายามทำให้ทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนดี แต่คงทำให้ทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนดังไม่ได้
คิดว่าผู้ปกครองก็คิดเหมือนกระทรวงศึกษาธิการ คืออยากเห็นลูกหลานเป็นคนดี ดีทั้งปัจจุบันและดีต่อไปในอนาคต โรงเรียนดี คือ โรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับการที่จะสั่งสอนอบรมให้เด็กเป็นคนดี จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเป็นคนดี การทำให้คนเป็นคนดี ไม่ใช่การบอกว่าทุกคนต้องเป็นคนดี ท่องจำได้ว่าความดีคืออะไร แต่อยู่ที่การให้ได้ปฏิบัติเป็นกิจนิสัย เกิดความเชื่อ ความศรัทธายึดมั่นในการเป็นคนดี มีกิจกรรม หลายอย่างที่ฝึกและสร้างความเป็นคนดีโดยเด็กไม่รู้ตัว เช่น การให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มจะช่วยให้ได้รู้จักร่วมมือช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักรับฟังความเห็นผู้อื่น รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ รู้จักเสียสละ อดทน เป็นต้น โรงเรียนดีจึงควรจัดการเรียนการสอนที่ให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมร่วมกันมาก ๆ
จุดประสงค์ของการศึกษาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การสอนให้นักเรียนรู้จัก คิดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่ให้จำเนื้อหาสาระความรู้ การสอนแบบให้จำจะไม่เป็นประโยชน์กับ ผู้เรียนมากนัก เพราะความรู้ที่จำได้นั้น ไม่ช้าก็ล้าสมัยเอาไปใช้ไม่ได้ ความรู้ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการเรียนรู้เพื่อแสวงหาความรู้จึงมีความสำคัญกว่าการจำความรู้ โรงเรียนที่ดีต้องส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้วิธีแสวงหาความรู้ด้วยตนเองมาก ๆการทำเช่นนี้ได้โรงเรียนต้องมีแหล่งความรู้ที่ดี และอำนวยความสะดวกต่อเด็กในการแสวงหาโรงเรียนที่ดีจึงควรมีห้องสมุดที่ดี มีหนังสือมาก ๆ และมีหนังสือหลากหลายประเภท เป็นหนังสือที่ส่งเสริมให้เด็กได้คิดในเชิงสร้างสรร นอกจากมีหนังสือแล้วควรมี สื่อเพื่อค้นคว้าอื่น ๆ เช่น เทปเสียง วิดีทัศน์ ภาพ หุ่นจำลอง ของจริงต่าง ๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้พัฒนาได้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม ท้องถิ่น นิทรรศการ ท้องฟ้าจำลอง
สวนพฤกษศาสตร์ เป็นต้น
นอกจากแหล่งแสวงหาความรู้ โรงเรียนที่ดีควรจัดการเรียนการสอนแบบที่ นักวิชาการเรียกว่า ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง คือ ให้ความสำคัญกับนักเรียน สอนโดยให้นักเรียนแสวงหาและค้นพบคำตอบด้วยตนเอง โดยให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการเรียนรู้ เช่นการเรียนรู้เรื่องพืชจากการไปดูพืช สังเกตพืช การเจริญเติบโตของพืชจากของจริง มีการจดบันทึก มีการทดลองปลูกพืชในลักษณะต่าง ๆ หรือการเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาด้วยการให้นักเรียนศึกษาสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนของชุมชน ช่วยกันวางแผนพัฒนา สิ่งแวดล้อมว่าควรทำอย่างไรแล้วให้ลงมือปฏิบัติพัฒนาสิ่งแวดล้อมจริง ๆ การเรียนรู้ ด้วยการปฏิบัติจริง จะช่วยให้เด็กเกิดความงอกงามทางปัญญา ความคิด คือ รู้จักคิด รู้จักหาเหตุผล และรู้จักวิธีหาคำตอบที่เชื่อถือได้
โรงเรียนที่ดีควรใช้หลักประชาธิปไตยในการปกครองและในการจัดการเรียนการสอนนั่นคือโรงเรียนต้องรับฟังและร่วมมือกับชุมชนที่อยู่รอบ ๆ โรงเรียน ต้องถือว่า โรงเรียนเป็นของชุมชน เป็นส่วนหนึ่งอยู่ในชุมชน การปกครองดูแลเด็กก็ควรใช้หลัก ประชาธิปไตย คือรับฟังความคิดเห็นนักเรียนให้นักเรียนร่วมดูแลโรงเรียน ร่วมคิดทำ หลักสูตรและวิธีการเรียนการสอน เพราะจะทำให้กระบวนการเรียนการสอนมีชีวิตชีวา และสอดคล้องกับความสนใจของผู้เรียนและชุมชนมากที่สุด การใช้หลักประชาธิปไตย ยังเป็นการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักอภัย รู้จัก เสียสละไม่ยึดประโยชน์ตนเป็นที่ตั้ง อันจะช่วยหล่อหลอมให้เขาเป็นประชากรที่ดีของ สังคมในอนาคต
ที่จริงทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนดี หรือมีศักยภาพที่จะเป็นโรงเรียนดีได้ทั้งสิ้น โรงเรียนของรัฐทุกแห่งมีมาตรฐานการบริหารจัดการ และปรัชญาการจัดการศึกษาที่ใกล้เคียงกัน สิ่งที่แตกต่างกันมักอยู่ที่ชื่อเสียงเดิม และแรงสนับสนุนจากประชาชน หน้าที่การให้การศึกษาเด็กไม่ใช่เป็นของโรงเรียนแต่ฝ่ายเดียว ผู้ปกครอง บิดา มารดา มีบทบาทและอิทธิพลอย่างมากต่อกระบวนการศึกษา การเรียนรู้ของเด็ก ผู้ปกครอง ชุมชน ต้องถือเป็นหน้าที่เข้าไปช่วยกำกับดูแลโรงเรียน ช่วยเหลือโรงเรียนอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านแรงกาย แรงใจ และแรงปัญญาตามความถนัดของแต่ละ คน เพื่อสนับสนุนให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่ดี ทำหน้าที่ได้สมเจตนารมณ์ของการจัด การศึกษา เท่านี้ทุกโรงเรียนก็เป็นโรงเรียนที่ดีโดยทั่วกันผู้ปกครองก็จะได้ส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนใกล้บ้านโดยไม่ต้องใฝ่หาโรงเรียนดังให้เหน็ดเหนื่อยแต่ประการใด
สรุปได้ว่า ความเด่นความมีชื่อเสียงของโรงเรียนอาจเป็นตัวบ่งบอกความมีคุณภาพของโรงเรียน แต่โรงเรียนที่ไม่เด่นไม่ดังก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคุณภาพ และอาจมีคุณภาพไม่แพ้โรงเรียนเด่นโรงเรียนดังก็เป็นไปได้
ความดี ความมีคุณภาพของโรงเรียนนั้น ในสายตาของประชาชนทั่วไปก็แน่นอนต้องดูที่ชื่อเสียงโรงเรียน แต่โรงเรียนดี ๆ มีคุณภาพจำนวนมากไม่มีชื่อเสียง สะดุดหูสะดุดตาเหมือนโรงเรียนดังอื่น ๆ คนเลยไม่รู้จัก ไม่เข้าใจว่าเป็นโรงเรียนที่เขาควรส่งลูกหลานเข้าเรียน แล้วก็เลยพยายามแย่งกันเข้าเรียนในโรงเรียนดัง ๆ ให้ได้ ถ้าไม่ได้มีบ้านอยู่ใกล้ก็ขวนขวายไปสอบ วิ่งเต้นทุกวิถีทางทั้งถูกต้องและไม่ถูกต้อง บางคนก็ต้องเสียเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนดัง สำเร็จก็มี ล้มเหลวก็มี จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสาร น่าเห็นใจ คิดว่าถ้าประชาชนเข้าใจว่าโรงเรียนมีคุณภาพเป็นอย่างไร ก็จะผ่อนคลายการแย่งกันเข้าโรงเรียนดัง ๆ ได้
การหาที่เรียนให้ลูกหลานไม่จำเป็นต้องยึดติดไขว่คว้าหาโรงเรียนดังเหมือนคนอื่นเขาควรหาโรงเรียนดี จึงจะเข้าทีกว่าโรงเรียนดีเป็นอย่างไร ตรงนี้ขึ้นกับว่าท่านอยากให้ลูกหลานเป็นอย่างไรแล้วหาโรงเรียนที่คิดว่าจะสร้างลูกหลานเช่นนั้นได้ ที่จริงกระทรวงศึกษาธิการก็คิดเช่นเดียวกันนี้ คิดแล้วก็พยายามทำให้ทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนดี แต่คงทำให้ทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนดังไม่ได้
คิดว่าผู้ปกครองก็คิดเหมือนกระทรวงศึกษาธิการ คืออยากเห็นลูกหลานเป็นคนดี ดีทั้งปัจจุบันและดีต่อไปในอนาคต โรงเรียนดี คือ โรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับการที่จะสั่งสอนอบรมให้เด็กเป็นคนดี จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการเป็นคนดี การทำให้คนเป็นคนดี ไม่ใช่การบอกว่าทุกคนต้องเป็นคนดี ท่องจำได้ว่าความดีคืออะไร แต่อยู่ที่การให้ได้ปฏิบัติเป็นกิจนิสัย เกิดความเชื่อ ความศรัทธายึดมั่นในการเป็นคนดี มีกิจกรรม หลายอย่างที่ฝึกและสร้างความเป็นคนดีโดยเด็กไม่รู้ตัว เช่น การให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่มจะช่วยให้ได้รู้จักร่วมมือช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักรับฟังความเห็นผู้อื่น รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบ รู้จักเสียสละ อดทน เป็นต้น โรงเรียนดีจึงควรจัดการเรียนการสอนที่ให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมร่วมกันมาก ๆ
จุดประสงค์ของการศึกษาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การสอนให้นักเรียนรู้จัก คิดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่ให้จำเนื้อหาสาระความรู้ การสอนแบบให้จำจะไม่เป็นประโยชน์กับ ผู้เรียนมากนัก เพราะความรู้ที่จำได้นั้น ไม่ช้าก็ล้าสมัยเอาไปใช้ไม่ได้ ความรู้ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการเรียนรู้เพื่อแสวงหาความรู้จึงมีความสำคัญกว่าการจำความรู้ โรงเรียนที่ดีต้องส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้วิธีแสวงหาความรู้ด้วยตนเองมาก ๆการทำเช่นนี้ได้โรงเรียนต้องมีแหล่งความรู้ที่ดี และอำนวยความสะดวกต่อเด็กในการแสวงหาโรงเรียนที่ดีจึงควรมีห้องสมุดที่ดี มีหนังสือมาก ๆ และมีหนังสือหลากหลายประเภท เป็นหนังสือที่ส่งเสริมให้เด็กได้คิดในเชิงสร้างสรร นอกจากมีหนังสือแล้วควรมี สื่อเพื่อค้นคว้าอื่น ๆ เช่น เทปเสียง วิดีทัศน์ ภาพ หุ่นจำลอง ของจริงต่าง ๆ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้พัฒนาได้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม ท้องถิ่น นิทรรศการ ท้องฟ้าจำลอง
สวนพฤกษศาสตร์ เป็นต้น
นอกจากแหล่งแสวงหาความรู้ โรงเรียนที่ดีควรจัดการเรียนการสอนแบบที่ นักวิชาการเรียกว่า ยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง คือ ให้ความสำคัญกับนักเรียน สอนโดยให้นักเรียนแสวงหาและค้นพบคำตอบด้วยตนเอง โดยให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการเรียนรู้ เช่นการเรียนรู้เรื่องพืชจากการไปดูพืช สังเกตพืช การเจริญเติบโตของพืชจากของจริง มีการจดบันทึก มีการทดลองปลูกพืชในลักษณะต่าง ๆ หรือการเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาด้วยการให้นักเรียนศึกษาสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนของชุมชน ช่วยกันวางแผนพัฒนา สิ่งแวดล้อมว่าควรทำอย่างไรแล้วให้ลงมือปฏิบัติพัฒนาสิ่งแวดล้อมจริง ๆ การเรียนรู้ ด้วยการปฏิบัติจริง จะช่วยให้เด็กเกิดความงอกงามทางปัญญา ความคิด คือ รู้จักคิด รู้จักหาเหตุผล และรู้จักวิธีหาคำตอบที่เชื่อถือได้
โรงเรียนที่ดีควรใช้หลักประชาธิปไตยในการปกครองและในการจัดการเรียนการสอนนั่นคือโรงเรียนต้องรับฟังและร่วมมือกับชุมชนที่อยู่รอบ ๆ โรงเรียน ต้องถือว่า โรงเรียนเป็นของชุมชน เป็นส่วนหนึ่งอยู่ในชุมชน การปกครองดูแลเด็กก็ควรใช้หลัก ประชาธิปไตย คือรับฟังความคิดเห็นนักเรียนให้นักเรียนร่วมดูแลโรงเรียน ร่วมคิดทำ หลักสูตรและวิธีการเรียนการสอน เพราะจะทำให้กระบวนการเรียนการสอนมีชีวิตชีวา และสอดคล้องกับความสนใจของผู้เรียนและชุมชนมากที่สุด การใช้หลักประชาธิปไตย ยังเป็นการช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น รู้จักอภัย รู้จัก เสียสละไม่ยึดประโยชน์ตนเป็นที่ตั้ง อันจะช่วยหล่อหลอมให้เขาเป็นประชากรที่ดีของ สังคมในอนาคต
ที่จริงทุกโรงเรียนเป็นโรงเรียนดี หรือมีศักยภาพที่จะเป็นโรงเรียนดีได้ทั้งสิ้น โรงเรียนของรัฐทุกแห่งมีมาตรฐานการบริหารจัดการ และปรัชญาการจัดการศึกษาที่ใกล้เคียงกัน สิ่งที่แตกต่างกันมักอยู่ที่ชื่อเสียงเดิม และแรงสนับสนุนจากประชาชน หน้าที่การให้การศึกษาเด็กไม่ใช่เป็นของโรงเรียนแต่ฝ่ายเดียว ผู้ปกครอง บิดา มารดา มีบทบาทและอิทธิพลอย่างมากต่อกระบวนการศึกษา การเรียนรู้ของเด็ก ผู้ปกครอง ชุมชน ต้องถือเป็นหน้าที่เข้าไปช่วยกำกับดูแลโรงเรียน ช่วยเหลือโรงเรียนอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านแรงกาย แรงใจ และแรงปัญญาตามความถนัดของแต่ละ คน เพื่อสนับสนุนให้โรงเรียนเป็นโรงเรียนที่ดี ทำหน้าที่ได้สมเจตนารมณ์ของการจัด การศึกษา เท่านี้ทุกโรงเรียนก็เป็นโรงเรียนที่ดีโดยทั่วกันผู้ปกครองก็จะได้ส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนใกล้บ้านโดยไม่ต้องใฝ่หาโรงเรียนดังให้เหน็ดเหนื่อยแต่ประการใด
สรุป ได้ว่า โรงเรียนดีมีคุณภาพควรเป็นโรงเรียนที่ได้พัฒนาตนเองให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
ด้วยกระบวนการที่หลากหลายตามบริบท ทรัพยากรและศักยภาพที่โรงเรียนมีอยู่ โดยการจะพัฒนาโรงเรียนให้เป็นโรงเรียนดีมีคุณภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้
เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองประชาชน และหน่วยงานองค์กรในท้องถิ่น โรงเรียนควรมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายของโรงเรียนให้ชัดเจน
และดำเนินงานตามทิศทางที่โรงเรียนกำหนดไว้ ซึ่งมุ่งไปที่นักเรียน คือ สอนให้เป็นคนดีมีปัญญา
มีศีล สมาธิ และมองภาพให้เกิดในอนาคตร่วมกัน กำหนดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน
นอกจากนี้ การพัฒนาบุคลากรยังเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียน เพราะบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งครูเป็นคนสำคัญที่จะสร้างกลไกต่างๆ ให้เกิดขึ้น ที่จะส่งผลต่อคุณภาพของนักเรียน โดยต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะจัดการเรียนการสอนให้นักเรียน บรรลุตามเป้าหมายของหลักสูตรได้กำหนดไว้ และในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ อดทน เจ้าใจนักเรียน เป็นผู้ให้ข้อมูลและผู้สนับสนุนจากการทำกิจกรรมตามที่นักเรียนสนใจ
นอกจากนี้ การพัฒนาบุคลากรยังเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาคุณภาพของโรงเรียน เพราะบุคลากรโดยเฉพาะอย่างยิ่งครูเป็นคนสำคัญที่จะสร้างกลไกต่างๆ ให้เกิดขึ้น ที่จะส่งผลต่อคุณภาพของนักเรียน โดยต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะจัดการเรียนการสอนให้นักเรียน บรรลุตามเป้าหมายของหลักสูตรได้กำหนดไว้ และในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ อดทน เจ้าใจนักเรียน เป็นผู้ให้ข้อมูลและผู้สนับสนุนจากการทำกิจกรรมตามที่นักเรียนสนใจ
images.rungs.multiply.multiplycontent.com/.../..
บรรณานุกรม
ปฐมพงศ์ ศุภเลิศ . (2548,มีนาคม). ทำอย่างไรจึงจะจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็น
ศูนย์กลางอย่างแท้จริง.
วิทยาจารย์. 104(2) : 30.
มติชน. (2550).
โรงเรียนคุณภาพดียังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป.สืบค้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2550
จาก http://academic.obec.go.th/quality(Aom)/article/matichon(30_04_50).doc
ลักษณา สตะเวทิน. (2542).หลักการประชาสัมพันธ์.
กรุงเทพฯ:
เฟื่องฟ้าการพิมพ์.
วีระวัฒน์ อุทัยรัตน์. (2546,กุมภาพันธ์).
ไทยแลนด์เอ็นดูเคชั่น. 3(27) : 32-33.
สมชาย เทพแสง . (2543,พฤศจิกายน). โรงเรียนคุณภาพ :
สานฝันให้เป็นจริง.วารสารวิชาการ .
3 (11): 13 -16.
สุดาวรรณ เครือพานิช.” โรงเรียนมีคุณภาพ” (ออนไลน์).
แหล่งที่มา:https://www.myfirstbrain.com/teacher_view.aspx?ID=57608 25 กรกฎาคม 2554
สุรัฐ ศิลปะอนันต์. (2545) . กระบวนการปฏิรูปโรงเรียนที่มีประสิทธิภาพ.
กรุงเทพฯ: ที เจ
เจ.
|